แต่ก่อนเวลาที่เราได้ยินใครพูดถึงข้อดีของการทำงานที่บ้าน โดยมีตัวเองเป็นเจ้านาย คุณอาจจินตนาการว่า ชีวิตดีงาม สบายจังเลย พอเอาเข้าจริง วันที่มนุษย์เงินเดือนทั่วโลกเผชิญหน้ากับโรคโควิด-19 และได้สัมผัสกับการทำงานที่บ้านแล้ว ก็ได้เรียนรู้ว่าการ work from home อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยหลักและวิธีทำงานที่บ้านให้มีความสุข ด้วยการสัมผัสกับชีวิตสโลว์ไลฟ์ ไม่ต้องเผชิญกับการจราจรที่ติดขัด รวมทั้งยังหลีกเลี่ยงเชื้อโรคและฝุ่น PM2.5
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือล็อกดาวน์ คุณมีการเปลี่ยนแปลงวิธีหรือขั้นตอนการทำความสะอาดของคุณหรือไม่?
เข้าสู่โหมด work from home อย่างมีประสิทธิภาพด้วยมายด์เซ็ท
เพื่อเป็นการแสดงถึงความเป็นมืออาชีพ เวลาทำงานที่บ้าน ไม่ควรทำงานบนเตียงนอน และไม่ควรสวมใส่ชุดนอน ควรใส่เสื้อผ้าแบบที่เคยใส่ไปทำงาน ตามหลักจิตวิทยานี่คือการปรับมายด์เซ็ท (mindset) บอกสมองและร่างกายของคุณว่า ถึงเวลาของการทำงานแล้วนะ หากมีการประชุมออนไลน์แบบฉุกเฉินที่ไม่ได้นัดล่วงหน้ามาก่อน คุณก็จะได้ดูดี มีออร่า สร้างความเชื่อถือผ่านหน้ากล้องอีกด้วย
ตื่นเช้าแบบเดิม เพิ่มเติมด้วยพลังบวก
ควรตื่นนอนในเวลาเดิม แทนที่จะรีบเร่งออกจากบ้าน เสียเวลายืนต่อคิวรถสาธารณะ หรือต้องติดอยู่ในรถนานๆ ในเวลาเร่งด้วน ข้อดีของการทำงานที่บ้านก็คือ คุณก็สามารถนำเวลาเหล่านั้นมาทำกิจวัตรประจำวันอย่างมีคุณภาพในขณะทำงานอยู่บ้าน เช่น ทำอาหารเช้าเพื่อสุขภาพ จิบเครื่องดื่มอุ่นๆ ฟังข่าวยามเช้า ออกกำลังกาย 15 นาที หรือทำสมาธิ เพื่อสร้างพลังบวกก่อนเริ่มทำงาน
เพิ่มสมาธิด้วยสูตรเด็ดโพโมโดโร
ตามเทคนิคโพโมโดโร (Pomodoro Technique) กำหนดว่ามนุษย์ทำงานควรหยุดทำงานทุกๆ 25 นาที เพื่อพักเบรก 5 นาที วิธีนี้ยังช่วยเพิ่มพลังสมาธิ ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น จากผลการวิจัยระบุว่า การจัดเวลาพักระยะสั้นจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเป็นวิธีทํางานที่บ้านให้มีความสุข พึงระลึกไว้ว่าพักบ่อยๆ แบบสั้นๆ ดีกว่าการพักน้อยๆ แต่พักนานๆ ก่อนกลับไป work from home อย่าลืมล้างมือด้วยน้ำสบู่ด้วย
6 สิ่งคลายร้อนตอน work from home
อากาศเมืองไทยอาจไม่เป็นใจให้ทำงานที่บ้าน หรือบางทีก็ร้อนจนอยากจะเลิกทำงานเอาดื้อๆ เรามีตัวช่วยดีๆ ที่จะช่วยคลายร้อนป้อนความเย็นให้คุณ ดังนี้
- แช่เท้าในน้ำเย็นตอน work from home อย่างที่เรารู้กันเท้าคือจุดศูนย์รวมเส้นประสาทของร่างกาย การแช่เท้าช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายและทำให้ผ่อนคลาย
- ปรับบรรยากาศด้วยกลิ่นหอมจากเทียนเพื่อปรับบรรยากาศในบ้านให้น่าทำงานมากขึ้น แถมช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าและความเครียดจากการทำงานที่บ้าน
- ปลุกความสดชื่นด้วยการดื่มน้ำผลไม้ปั่น โยเกิร์ต ไอศกรีมผลไม้ ระหว่างพักเบรกแรกก่อนมื้อเที่ยง ส่วนเบรกที่สองยามบ่าย (หลังมื้อเที่ยง 2 ชั่วโมง) อาจพักจิบเครื่องดื่มเย็นๆ และเดินชมสวน หรือมองต้นไม้ใบหญ้านอกหน้าต่างเพื่อช่วยบำบัดจิตใจ
- ดื่มน้ำมากๆ ขณะทำงาน จะช่วยรักษาความสมดุลและความชุ่มชื้นให้ร่างกายและทำให้คุณรู้สึกอิ่ม
- วางพัดลมผิดชีวิตเปลี่ยน วางพัดลมใกล้ประตูหรือหน้าต่างเพื่อให้อากาศไหลเวียนและ
- ประหยัดไฟ ไม่ควรนำพัดลมจ่อไปที่ตัวคุณเพราะจะรู้สึกไม่สบายตัว ควรวางห่างสัก 2 เมตร
- ควรปิดสวิตช์ไฟและถอดปลั๊กจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้ใช้งาน จะลดอุณหภูมิในบ้านได้
รู้สึกง่วงขณะทำงานที่บ้าน ควรทำอย่างไร
วิธีแก้ง่วงที่จะช่วยให้ work from home อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ การแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยๆ เน้นรับประทานอาหารมื้อเล็กๆ แทนมื้อหนัก เนื่องจากอาหารมื้อหลักมักมีแคลอรี่สูง อาจทำให้คุณรู้สึกเฉื่อยและง่วงนอน อาหารมื้อเล็กๆ จะทำให้คุณตื่นตัวในการทำงานมากกว่า แถมยังรักษาหุ่นให้ฟิตและเฟิร์มด้วยนะ
พึงระลึกไว้ว่า กาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนไม่สามารถแก้ปัญหานี้อย่างถาวร คอกาแฟควรดื่มกาแฟในเวลา 9.00-11.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ดีในการรับคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกาย และคาเฟอีนจะไม่ไปรบกวนการนอนและการตื่นนอนของคุณอีกต่อไป
3 สเต็ปง่ายๆ พิชิตออฟฟิศซินโดรม
ควรผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนนานๆ ด้วย 3 ท่าบริหารจากนักกายภาพบำบัดจิตอาสา
นั่งตัวตรง มือข้างหนึ่งจับขอบเก้าอี้ด้านข้าง มืออีกข้างจับศีรษะให้เอียงไปฝั่งตรงข้าม จะรู้สึกตึงบริเวณคอและบ่า ค้างไว้ 10 วินาที แล้วกลับมานั่งตัวตรง สลับทำอีกข้าง ควรทำข้างละ 10 รอบ
นั่งตัวตรง มือสองข้างแตะไว้หลังศีรษะ หุบข้อศอกเข้าหากันทางด้านหน้า แล้วก้มศีรษะลง ต่อจากนั้นเงยศีรษะขึ้น เปิดแข่น แอ่นอก และสูดลมหายใจเข้าพร้อมๆ กัน ค่อยๆ ก้มศีรษะลง หุบแขน ผ่อนลมหายใจออก แล้วกลับมานั่งตัวตรงสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 20 รอบ
กางแขนขนานกับพื้นฝ่ามือตั้งฉาก ออกแรงดันแขนไปข้างหลังให้รู้สึกบีบสะบักข้างหลังเข้าหากัน แล้วค้างไว้ 10 วินาที ก่อนจะกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 20 ครั้ง
เผยแพร่ครั้งแรก