Unilever logo
Cleanipedia logo

วิธีขัดรองเท้าหนังให้มันวาว เงาเหมือนใหม่ ง่ายจนคาดไม่ถึง

แนะเคล็ดลับการทําความสะอาดรองเท้าหนังฉบับมือโปร แต่คุณทำเองได้ที่บ้าน

อัปเดตเมื่อ

รองเท้าหนัง

ไม่ว่าจะแต่งตัวออกไปไหน สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือ รองเท้า โดยเฉพาะรองเท้าหนังที่ถูกเลือกเป็นรองเท้าคู่กายของหลายคน เพราะสวมใส่ได้หลายโอกาส ทั้งในสไตล์ลำลองและเป็นทางการ แต่ไม่ว่ารองเท้าหนังของคุณจะทำจากหนังดีมีคุณภาพสูงแค่ไหน ก็คงหลีกเลี่ยงสิ่งสกปรกและการเสื่อมสภาพของหนังอันเกิดจากการใช้งานไปไม่พ้น รองเท้าทุกคู่จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ เรามีเคล็ดลับการทำความสะอาดและวิธีขัดรองเท้าหนังที่ทำง่ายๆ ได้เองที่บ้านมาฝาก รับรองว่ารองเท้าหนังของคุณจะสวยทน สวยนาน ใช้งานได้คุ้มค่าแน่นอน

ถ้าจะให้ดี ควรเริ่มที่การทําความสะอาดรองเท้าหนัง

วิธีดูแลรองเท้าหนังที่ถูกต้องควรเริ่มต้นด้วยการทําความสะอาดรองเท้าหนังเพื่อให้ฝุ่นละอองและคราบสกปรกหลุดออกก่อน แล้วค่อยไปถึงขั้นตอนการขัดเคลือบให้เงางามในลำดับต่อไป  

วัสดุและอุปกรณ์ที่ต้องใช้

  • วัสดุสำหรับรองขณะทำความสะอาดรองเท้าหนัง

  • ที่ดันทรงรองเท้า (shoe stretchers) ถ้ามี

  • น้ำสะอาดกับสบู่ (ใส่ในภาชนะเล็กๆ) หรืออาจเลือกใช้คลีนเนอร์ทำความสะอาดรองเท้าหนังโดยเฉพาะ ซึ่งมีให้เลือกทั้งชนิดโฟม ชนิดครีม และชนิดเหลว    

  • แปรงขัดรองเท้าหนัง (ควรเลือกชนิดที่ทำจากขนม้า) สำหรับปัดทำความสะอาดฝุ่นและคราบสกปรกออกจากรองเท้าก่อนเริ่มทำการขัดเงา  

  • ผ้าสะอาดเนื้อนุ่ม 2 ผืน (ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้เลือกใช้ผ้าสำลี)  

ระยะเวลาที่ใช้

ประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับระดับความสกปรกและสภาพอากาศ (กรณีเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่)   

วิธีการ

ก่อนอื่น หาแผ่นพลาสติก กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือผ้าขนหนูมาวางรองบนพื้นผิวบริเวณที่คุณจะทำความสะอาดรองเท้าหนัง เพื่อให้สะดวกต่อการเก็บกวาดภายหลังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับรองเท้า รวมทั้งป้องกันไม่ให้พื้นบ้านของคุณเปรอะเปื้อน จากนั้นทำตามขั้นตอนต่อไปนี้  

  • ถ้าเป็นรองเท้าแบบมีเชือกผูก ให้ถอดเชือกรองเท้าออกก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เชือกเปียกน้ำหรือเลอะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หากเชือกสกปรกมาก ให้นำไปซัก (ซักมือหรือซักเครื่องก็ได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุ) แต่ถ้าเก่ามากแล้ว ก็ควรตัดใจหาเส้นใหม่มาเปลี่ยนเลยจะดีกว่า

  • สวมที่ดันทรงรองเท้าเข้าในรองเท้าก่อน การทำเช่นนี้จะช่วยให้รอยย่นของรองเท้ายืดตัวและ สามารถปัดฝุ่นออกได้ง่ายขึ้น เมื่อทาครีมรักษาหนังก็จะทำให้เนื้อครีมซึมเข้าหนังได้ดีกว่าด้วย

  • ใช้แปรงขัดรองเท้าค่อยๆ ปัดฝุ่น คราบโคลน คราบเกลือ ขนสัตว์เลี้ยง และอนุภาคอื่นๆ ที่เกาะติดอยู่บนพื้นผิวของหนัง อย่าลืมว่าถ้าปล่อยให้ฝุ่นละอองสะสมพอกพูนจนหนา จะทำให้หนังแห้งและแตกเป็นริ้วจนยากจะเยียวยา ดังนั้น ควรหมั่นปัดฝุ่นออกจากรองเท้าเป็นประจำหลังใช้งานเสร็จ  

  • ปัดด้านนอกแล้ว อย่าลืมปัดฝุ่นด้านในรองเท้าด้วย ขอบพื้นและพื้นรองเท้าก็ไม่ควรละเว้น

  • จากนั้นทำความสะอาดอีกรอบโดยใช้ผ้าสะอาดเนื้อนุ่มชุบน้ำที่ผสมสบู่เล็กน้อย หรือแปรงขัดรองเท้าปาดคลีนเนอร์ทีละนิด ค่อยๆ เช็ดที่ผิวด้านนอกของหนังรองเท้า โดยขัดวนเป็นวงกลมด้วยแปรงตามที่ผู้ผลิตแนะนำ  

  • หากมีคราบโคลนหรือคราบสกปรกหลงเหลืออยู่ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่ขัดถูที่คราบอีกครั้ง โดยออกแรงมากขึ้น แต่ต้องระวังไม่ให้หนังถูกน้ำจนเปียกเกินไป

  • หลังเช็ดคราบด้วยน้ำสบู่หรือคลีนเนอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ผ้าแห้งเช็ดสบู่และคลีนเนอร์ที่ตกค้างอยู่ออกจนแน่ใจว่าหนังสะอาด จากนั้น

  • ปล่อยทิ้งไว้ให้รองเท้าแห้งสนิทก่อนทำขั้นตอนต่อไป ซึ่งอาจต้องรอประมาณ 20 นาทีถึง 1 ชั่วโมง

เคล็ดลับควรรู้

รู้หรือไม่ว่า ถ้าเราไม่ทำความสะอาดรองเท้าหนังให้ดีก่อนขัดเงา แวกซ์หรือครีมเคลือบหนังที่เราใช้ในครั้งก่อน รวมถึงอนุภาคของสิ่งสกปรกต่างๆ จะเกาะติดพื้นผิวจนหนังดูหนาขึ้นเรื่อยๆ พื้นผิวของหนังไม่สม่ำเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นหนังอาจแตกเป็นรอยได้ ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาด เอาของเก่าออกก่อน แล้วค่อยลงของใหม่

น้ำสบู่อ่อนๆ นอกจากจะใช้ทำความสะอาดรองเท้าหนังได้เป็นอย่างดีแล้ว ยังสามารถแบ่งไปเช็ดทำความสะอาดกระเป๋าหนังของคุณได้อีกด้วย สะดวกและช่วยประหยัดได้มากทีเดียว

มีวิธีขัดรองเท้าหนังอย่างไรให้เงางาม

หลังจัดการกับฝุ่นและคราบสกปรกจนรองเท้าสะอาดเอี่ยมแล้ว ก่อนเก็บรองเท้าหนังของคุณเข้าที่เข้าทาง อย่าลืมขัดเงารองเท้าหนังคู่โปรดของคุณด้วย การขัดและเคลือบเงาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยรักษาคุณภาพของหนังไม่ให้แห้งและแตก สีไม่ซีดจาง ช่วยยืดอายุการใช้งานของหนัง แถมยังช่วยไม่ให้ฝุ่น สิ่งสกปรกใหม่ และน้ำเกาะติดหรือซึมเข้าพื้นผิวได้ง่ายอีกด้วย

วัสดุและอุปกรณ์ที่ต้อง

ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารองเท้าหนัง มีให้เลือกทั้งชนิดครีม แว็กซ์ และชนิดเหลว ควรเลือกสีเดียวกันหรือใกล้เคียงกับสีของรองเท้าหนังให้มากที่สุด หรืออย่างน้อยควรเป็นสีใส (clear หรือ neutral)     

  • แปรงที่ผลิตมาเพื่อขัดรองเท้าโดยเฉพาะ ไม่แนะนำให้ใช้แปรงสีฟันเก่า (ถึงแม้จะเป็นแปรงขนนิ่มพิเศษก็ตาม) เพราะขนแปรงไม่อ่อนโยนต่อเครื่องหนังและแปรงมีพื้นที่หน้าตัดเล็กมาก ทำให้เกลี่ยครีมไม่ทั่วถึง ซึ่งจะมีผลต่อความสม่ำเสมอของสี   

  • ผ้าสะอาดเนื้อนุ่ม 2 ผืน แนะนำให้เลือกใช้ผ้าสำลี อาจใช้ถุงเท้าหรือผ้าขนหนูเก่าที่เลิกไปใช้แล้วแทนก็ได้ แต่ควรเป็นผ้าเนื้อนุ่มที่ทำจากเส้นใยฝ้าย  

  • สเปรย์เคลือบปกป้องเครื่องหนัง (ถ้ามี)  

ระยะเวลาที่ใช้

ประมาณ 15-30 นาที

วิธีการ

  • นำผ้านุ่มๆ ที่เตรียมไว้มาป้ายครีมขัดเงารองเท้าหนัง โดยปาดเอาทีละน้อย ถ้ามากเกินไปจะทำให้หนังชุ่มเกินไปและครีมแห้งช้า  

  • ทาครีมลงบนหนัง โดยให้เช็ดวนเป็นวงกลมเบาๆ เกลี่ยครีมให้ทั่ว ทิ้งไว้สักครู่

  • จากนั้นใช้แปรงค่อยๆ ขัดรองเท้าขัดไปมาอย่างเบามือเพื่อป้องกันไม่ให้หนังเป็นรอย

  • ทั้งไว้ให้ครีมแห้งไปเองตามธรรมชาติ ไม่ควรนำรองเท้าไปผึ่งแดดหรือใช้ไดร์เป่าผมเป่า เพราะจะทำให้หนังแห้งและแตกเป็นริ้ว นอกจากนี้ ความร้อนจะทำลายคุณสมบัติในการรักษาหนังของครีมขัดรองเท้า  

  • ใช้ผ้าแห้งและสะอาดขัดเบาๆ ให้ทั่วอีกรอบ เพื่อขจัดครีมส่วนเกินออกและทำให้หนังขึ้นเงา  

  • ปิดท้ายด้วยการฉีดสเปรย์เคลือบหนัง โดยให้หัวสเปรย์หางจากหนังประมาณ 30 เซนติเมตร ขั้นตอนนี้จะทำให้หนังนิ่ม ไม่แห้งแข็ง และช่วยกันน้ำได้ด้วย

เคล็ดลับควรรู้

  • ควรทดสอบครีมขัดเงาก่อนว่าทำปฏิกิริยากับสีของรองเท้าหนังหรือไม่ โดยลองใช้กับหนังด้านในของรองเท้าส่วนที่คนมองไม่เห็น   

  • ผ้าที่ใช้ ควรเป็นสีเดียวกันกับหนัง ไม่ตกสี เส้นใยฝ้ายจะดีกว่าเส้นใยสังเคราะห์ เพราะใยสังเคราะห์บางชนิด เช่น ไนล่อน อาจมีเนื้อแข็งกระด้างและทำให้หนังเป็นรอย

  • ในขั้นตอนการเกลี่ยครีมให้ทั่ว นอกจากจะใช้แปรงขัดรองเท้าแล้ว การทาครีมโดยใช้ปลายนิ้วมือจะได้ครีมที่อุ่นขึ้นจากอุณหภูมิร่างกาย ช่วยให้ครีมซึมเข้าหนังได้ดียิ่งขึ้น

  • ควรฉีดสเปรย์เคลือบหนังซ้ำเป็นระยะทุกๆ 3 เดือน หรือบ่อยขึ้นในหน้าฝน เพื่อป้องกันหนังไม่ให้เปียกน้ำหรือความชื้น

และถ้ารองเท้าของคุณเป็นหนังกลับ (suede) หรือหนังนูบัค (nubuck) ต้องใส่ใจดูแลเป็นพิเศษกว่าหนังทั่วไป แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีดูแลรองเท้าหนังกลับหรือหนังนูบัคเพิ่มเติมโดยละเอียด เพื่อป้องกันความเสียหายอาจที่เกิดขึ้นโดยคุณไม่ตั้งใจ  

อย่าละเลยขอบพื้นรองเท้า

ระหว่างทำความสะอาดและขัดรองเท้า อย่าละเลยขอบพื้นรองเท้า ซึ่งเป็นส่วนที่ติดอยู่กับตัวรองเท้า ถือเป็นส่วนสำคัญเช่นกัน หากขอบรองเท้าสะอาด ดูดี ก็จะทำให้รองเท้าหนังคู่งามของคุณดูดีสมบูรณ์แบบไปด้วย วิธีง่ายๆ เพียงทำความสะอาดให้ดี ขัดขอบรองเท้าด้วยกระดาษทรายพอให้ผิวเรียบขึ้น แล้วใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบรองเท้าหนังที่มีสีเดียวกับพื้นรองเท้าคู่นั้นทาทับ

วิธีขัดรองเท้าหนังแก้ว

รองเท้าประเภทหนังแก้ว จะมีความโดดเด่นตรงผิวของหนังที่มันวาว เพราะมีการเคลือบสารที่ทำให้หนังมีความวาว การดูแลรักษาหนังประเภทนี้ คือ ควรระวังพวกสี หมึก และการเกิดรอยขีดข่วน เพราะจะทำความสะอาดได้ยากมาก

วิธีทำความสะอาดง่ายมาก เพียงใช้กระดาษชุบน้ำหมาดๆ แล้วเช็ดบริเวณคราบสกปรก แต่ถ้ารองเท้าหนังแก้วเริ่มหมอง ให้ใช้น้ำยาเช็ดกระจกฉีดแล้วใช้สำลีเช็ดทำความสะอาดอีกรอบ จะช่วยให้หนังแก้วเงางามเหมือนใหม่ขึ้นมาทันที

นอกจากนี้ เนื่องจากหนังแก้วมีคุณสมบัติอีกอย่าง คือ การดูดสี จึงควรระวังรองเท้าหนังแก้วเปลี่ยนสีเมื่อวางใกล้กับรองเท้าสีอื่น ถ้าสีเปลี่ยนแล้วจะแก้ไขยากมากหรือแก้ไม่ได้เลย ดังนั้น ควรห่อกระดาษก่อนเก็บหรือเก็บใส่กล่องรองเท้าไว้ เพื่อป้องกันและช่วยยืดอายุการใช้งาน อาจใช้น้ำยาทำความสะอาดและเคลือบเงาหนังแก้วที่มีขายทั่วไปในท้องตลาดเป็นตัวช่วยอีกแรง

รองเท้าหนัง ซักน้ำได้ไหม

หนังแท้กับน้ำไม่ถูกกันโดยธรรมชาติ ดังนั้น การนำรองเท้าหนังไปซักน้ำจึงเป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาด เพราะจะทำให้รองเท้าหนังของคุณเสื่อมสภาพ ย่น และเสียทรง หนังที่เปียกชื้นมีโอกาสขึ้นราและเกิดกลิ่นเหม็นอับ (อาจทำให้เท้าของคุณเหม็นไปด้วย) นอกจากนี้ น้ำยังทำให้กาวหรือวัสดุที่ทำหน้าที่ติดยึดชิ้นส่วนต่างๆ ของรองเท้าเสื่อมสภาพเร็ว อายุการใช้งานก็จะลดลง   

การใช้ผ้านุ่มๆ ชุบน้ำสบู่เช็ดเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการกำจัดฝุ่นละอองและคราบสกปรกออกจากรองเท้าหนังในเบื้องต้น อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจใช้ไม่ได้ผลกับคราบเหนียวหนึบ ดังนั้น ควรใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับขจัดคราบเหล่านี้โดยเฉพาะจะดีกว่า ลงทุนเพิ่มอีกนิด จะได้ไม่คิดเสียดายทีหลัง  

แม้ว่าจะไม่สามารถนำรองเท้าหนังไปซักน้ำได้โดยตรง แต่สิ่งที่ซักได้แน่ๆ คือ ผ้าที่คุณใช้เช็ดทำความสะอาดรองเท้าหนังและขัดหนังให้เงางาม หลังใช้ทุกครั้งควรนำไปซักให้สะอาด โดยใช้น้ำอุ่นผสมกับผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ช่วยสลายคราบน้ำมันได้ดี เช่น บรีส เอกเซล ผลิตภัณฑ์ซักผ้า ชนิดน้ำ สูตรเข้มข้น สีเขียว ซึ่งจะซอกซอนลึกเข้าไปทำลายคราบบนเส้นใยผ้า ถ้าได้ผ้าสะอาดๆ มาเช็ดรองเท้าหนังทุกครั้ง รองเท้าหนังของคุณก็จะสะอาดไปด้วย   

7 เทคนิคเสริม ดูแลรองเท้าหนังให้สวยเหมือนใหม่ ไปนานๆ

  • เลี่ยงไม่ให้โดนน้ำ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ให้รีบซับน้ำออกด้วยผ้านุ่มๆ และไม่มีขน วิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดคราบบนรองเท้าได้

  • ถ้ารองเท้าหนังคู่โปรดของคุณอับชื้น แนะนำให้ม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์เป็นก้อนกลมๆ แล้วนำไปยัดไว้ด้านในพื้นของรองเท้า ปล่อยทิ้งไว้จนกว่ารองเท้าจะแห้ง กระดาษหนังสือพิมพ์ช่วยดูดกลิ่นอับได้

  • แนะนำให้ฉีดสเปรย์เคลือบปกป้องเครื่องหนังทุกครั้งก่อนสวมใส่ วิธีนี้จะช่วยป้องกันน้ำ ฝุ่นละออง และคราบสกปรกไม่ให้เกาะติดพื้นผิวของหนังได้โดยง่าย  และยังช่วยป้องกันความอับชื้นได้อีกด้วย

  • นำรองเท้าหนังออกมาผึ่งลมเพื่อระบายอากาศเป็นประจำ จะช่วยป้องกันทั้งกลิ่นอับและเชื้อรา

  • พยายามเก็บรองเท้าหนังของคุณให้พ้นปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น แสงแดด ความร้อน มลภาว

  • พักการใช้งานบ้าง โดยเปลี่ยนสลับไปใช้คู่อื่นเวียนกันไปให้ครบทุกคู่ หรือาจสลับไปใส่รองเท้าผ้าใบบ้างก็ได้ 

  • ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เมื่อคุณสวมใส่รองเท้าหนังไปสักพัก แนะนำให้คุณทำความสะอาดและขัดรองเท้าเป็นประจำ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาหนังแท้ที่มีคุณภาพ เพื่อคงสภาพของหนังรองเท้าให้อยู่กับคุณไปนานๆ

คุณคงเห็นเหมือนกันว่าการทําความสะอาดรองเท้าหนังและวิธีขัดรองเท้าหนังไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ก็ไม่มาก ขั้นตอนการทำก็ไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด ทีนี้ การดูแลรองเท้าหนังคู่ใจเพียงสัปดาห์ละครั้งก็หมดข้ออ้างที่จะไม่ทำเองไม่ได้แล้ว อย่าลืมว่าการได้สวมรองเท้าที่สะอาดเหมือนใหม่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณทุกวัน

เผยแพร่ครั้งแรก