Unilever logo
Cleanipedia logo

สุดยอดวิธีซักผ้าห่มให้หอม นุ่ม น่าใช้ หลับสบายทุกคืน

มีวิธีซักผ้าห่มอย่างไรให้สะอาดหมดจด ช่วยถนอมผ้า และฆ่าเชื้อโรค คืนความมีชีวิตชีวาให้ผ้าห่มของคุณ พร้อมช่วยยืดอายุการใช้งาน

อัปเดตเมื่อ

เวลาอ่าน: นาที

วิธีการซักผ้าห่ม

ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน และปลอกหมอน เป็นเครื่องนอนที่ควรนำไปซักทำความสะอาดเป็นประจำ เพราะเราใช้งานทุกวัน ย่อมมีรอยเปื้อนและเกิดคราบสกปรกเป็นธรรมดา หากไม่ใส่ใจและปล่อยทิ้งไว้นานๆ อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและไรฝุ่น โดยเฉพาะผ้าห่ม ซึ่งไม่ค่อยมีใครใส่ใจเอาออกไปซักบ่อยเท่าผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน แต่พอพูดถึงการซักผ้าห่มทีไรต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ทุกที เรามีวิธีซักผ้าห่มที่จะช่วยคุณผ่อนงานหนักเป็นเบามาฝาก รับประกันความสะอาด นุ่ม และหอมน่าห่มแน่นอน

วิธีซักผ้าห่มให้สะอาด ขจัดคราบออกหมดจด

ถ้าจะให้สะดวก รวดเร็ว และประหยัดแรง แนะนำให้ซักผ้าห่มของคุณด้วยเครื่องซักผ้า (ผ้าห่มส่วนใหญ่ซักเครื่องได้) แต่ก่อนที่จะเริ่มซัก ควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเครื่องซักผ้ารองรับขนาดและน้ำหนักของผ้าห่มได้หรือไม่ เพราะถ้าผืนใหญ่เกินไปจนแน่นเครื่อง เครื่องจะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ผลก็คือ ซักไม่สะอาด นอกจากจะขจัดคราบสกปรกออกไม่หมดแล้ว ยังอาจได้คราบผงซักฟอกแถมมาด้วย ดังนั้น ถ้าผ้าห่มผืนใหญ่เกินกำลังเครื่องซักผ้า ควรเปลี่ยนไปซักมือแทนจะดีกว่า

รูปภาพของ ผ้าห่มสะอาด

วัสดุและอุปกรณ์ที่ต้องใช้

  • น้ำยาซักผ้า (กรณีที่ซักผ้าห่มขนสัตว์ ให้เลือกใช้น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน) เราแนะนำ บรีสแคร์ สูตรอ่อนโยน 0% ไม่มีสีสังเคราะห์ ไม่มีสารฟอกขาว

  • ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม

  • เครื่องซักผ้า แบบฝาหน้าหรือฝาบนก็ได้

ระยะเวลาที่ใช้

ไม่เกิน 30 นาที

วิธีซัก

  • เทน้ำยาซักผ้าลงไปในเครื่องซักผ้าในปริมาณที่เหมาะสม โดยอ่านคำแนะนำจากฉลากผลิตภัณฑ์

  • นำผ้าห่มที่จะซักใส่ตามลงไป เพื่อให้น้ำยาซักผ้าที่อยู่ข้างล่างกระจายตัวอย่างทั่วถึง แต่ถ้าเป็นผ้าห่มที่เนื้อผ้าบอบบาง แนะนำให้คลุมผ้าห่มด้วยปลอกหมอนใบใหญ่หรือใส่ถุงตาข่ายก่อนนำผ้าลงไปซัก

  • เลือกโปรแกรมซักที่เบาที่สุด โดยใช้น้ำอุณหภูมิปกติและใช้เวลาปั่นประมาณ 5 นาทีก็พอ เพราะถ้านานกว่านั้นอาจไม่เป็นผลดีต่อเนื้อผ้า

  • เทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปขณะที่ล้างน้ำสุดท้าย โดยใช้ในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำบนฉลาก ผ้าห่มที่ผ่านน้ำยาปรับผ้านุ่ม เมื่อตากจนแห้งแล้วเนื้อผ้าจะนุ่มฟู ห่มสบาย และมีกลิ่นหอม

  • เมื่อซักและล้างผ้าห่มเสร็จแล้ว นำผ้าห่มออกมาจากเครื่อง แล้วนำไปตากกลางแจ้งในจุดที่มีลมโกรก อากาศที่ถ่ายเทดีหรือแสงแดดจะช่วยกำจัดแบคทีเรีย กลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามผ้าได้

ถ้ากลัวว่าสีผ้าห่มของคุณจะซีดเพราะตากกลางแดดจ้า (ซึ่งจริงๆ ก็มีข้อดีตรงที่ช่วยให้ผ้าห่มของคุณแห้งไว) ให้หาที่ตากผ้าในที่ร่มลมโกรกแทน หากเป็นวันที่อากาศชื้นและแสงแดดไม่เป็นใจ จะนำผ้าห่มไปอบในเครื่องอบผ้าแห้งก็ได้ โดยตั้งอุณหภูมิระดับกลาง ความร้อนในเครื่องอบผ้าแห้งจะทำให้ผ้าห่มนุ่มและฟูขึ้น

ถ้ากลัวว่าผ้าห่มจะเสียหายจากแรงปั่นของเครื่องซักผ้า คุณอาจเลือกซักด้วยมือโดยการแช่ทิ้งไว้ก่อน 15 นาที จากนั้นใช้มือขยำผ้าห่มเบาๆ แล้วล้างด้วยน้ำเย็นอย่างน้อย 2 ครั้ง บีบน้ำออก ไม่ควรบิดผ้าห่มก่อนนำขึ้นตาก

เคล็ดลับน่ารู้เกี่ยวกับวิธีซักผ้าห่มนวม

ก่อนอื่น ควรแยกการซักผ้านวมออกจากการซักผ้าทั่วไป เนื่องจากผ้านวมมีขนาดใหญ่ ถ้าซักผ้านวมรวมกับเสื้อผ้าประเภทอื่น ผ้าชิ้นเล็กๆ อาจเข้าไปแทรกปนอยู่ในผ้านวม ทำให้เสื้อผ้าที่ติดอยู่ด้านในไม่สะอาด ทั้งยังอาจได้รับความเสียหายจากแรงเสียดสีอีกด้วย นอกจากนี้ ไม่ควรซักเครื่องนอนทุกอย่างในคราวเดียว เพราะจะทำให้เครื่องซักผ้าแน่นเกินไป ควรแยกซักผ้าห่มนวมต่างหาก  

ผงซักฟอกกับน้ำยาซักผ้ามีคุณสมบัติต่างกัน ในการซักผ้าห่มนวม แนะนำให้ใช้นำยาซักผ้าแทนผงซักฟอก เพราะน้ำยาสามารถละลายน้ำได้ดีกว่าและไม่จับตัวเป็นก้อน ทำให้ผ้านวมสะอาดหมดจด ไม่ทิ้งคราบ

ถ้าพบคราบสกปรกบนผ้านวม อย่าละเลยแม้คราบเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะคราบเลือด คราบเปื้อนหมึก เพราะถ้าสะสมไว้ นานไปจะกลายเป็นคราบฝังแน่นที่หลุดออกยากหรือไม่ออกเลย ควรจัดการคราบเฉพาะจุดออกก่อน โดยใช้น้ำยาซักผ้ามาป้ายตรงสิ่งสกปกแล้วขยี้ให้คราบจางไปก่อน แล้วค่อยนำไปซักในเครื่องซักผ้า

ก่อนนำผ้านวมใส่ลงไปในเครื่องซักผ้า อย่าใส่ผ้านวมเข้าเครื่องซักผ้าแบบไร้ทิศทาง ให้ม้วนผ้านวมให้มีขนาดเล็กลงก่อน เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ภายในถังซัก นอกจากนี้ยังช่วยให้ผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าซอกซอนเข้าถึงเนื้อผ้าได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น และควรเลือกใช้น้ำที่มีอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสขึ้นไป ซึ่งจะช่วยฆ่าเชื้อโรค ไรฝุ่น และแบคทีเรียได้ดีกว่า

หลายคนอาจคิดว่าควรปั่นผ้านวมนานหน่อย ผ้าจะสะอาดขึ้น แต่ความจริงแล้ว หากปั่นผ้านวมนานเกินไปอาจทำให้ผ้าหดตัวได้ ดังนั้น ควรปั่นผ้าในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่เร็วและไม่นานเกินไป

ถ้าต้องการซักผ้าให้หอมและถนอมเนื้อผ้า ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มด้วย และเมื่อซักเสร็จแล้ว นำผ้านวมไปตากแดด แสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรค ไรฝุ่น และยังทำให้ผ้านวมนุ่มขึ้นอีกด้วย

เสริมอีกนิด การนำผ้านวมออกจากเครื่องซักแล้วตากเลยก็ไม่ควรทำ ควรสะบัดผ้านวมก่อนตาก เพื่อไม่ให้ผ้านวมยับ ให้ผ้าได้คลายตัว ไม่จับตัวเป็นก้อน

เคล็ดลับน่ารู้เกี่ยวกับวิธีซักผ้าห่มขนเป็ด

ห้ามนําผ้าห่มขนเป็ดเข้าเครื่องซักผ้าโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ขนเป็ดจับตัวเป็นก้อนๆ ส่วนผ้าด้านนอกจะมีรอยคราบด่างน้ำเป็นวงๆ และทุกครั้งที่ซักด้วยน้ำ คุณสมบัติการเป็นฉนวนกักเก็บความร้อนของขนเป็ดจะเสื่อมลงไปทุกครั้ง ดังนั้น การทำความสะอาดผ้าห่มขนเป็ดจึงจำเป็นต้องใช้บริการซักแห้งโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับขนเป็ด ซึ่งมีราคาแพง  

เคล็ดวิธีซักผ้าแพร

การซักผ้าแพรวิสโค้ทเรยอนหรือผ้าชนิดอื่นๆ ที่ผสมใยสังเคราะห์ ถ้าทำอย่างถูกวิธี เนื้อผ้าจะนุ่มลื่น ไม่เหลือง ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผ้าส่วนใหญ่จะแนะนำให้ใช้น้ำยาซักผ้าแพรโดยเฉพาะ เพราะสะดวก ส่วนใหญ่มีการผสมสูตรน้ำยาให้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่คุณเอาไปผสมน้ำในอัตราส่วน น้ำยาครึ่งขวดขนาด 250 มล. ต่อน้ำครึ่งลิตร โดยแช่ไว้อย่างน้อย 4 ชั่วโมง แล้วนำขึ้นมาบิดหมาดๆ สะบัดให้ผ้าคลายตัว และตากโดยผึ่งลมเท่านั้น  

ข้อควรระวัง

  • ห้ามขยี้ผ้าขณะแช่ในน้ำยาซักผ้าแพร

  • แช่ในน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง

  • ห้ามโดนแดด ให้ตากผ้าในที่ร่ม

เคล็ดลับซักผ้าให้หอม

เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมบางครั้งใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปตั้งมาก แต่ผ้าไม่หอมเลย นั่นแสดงว่าใช้ไม่ถูกวิธี เรามีเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการซักผ้าให้หอมมาฝาก   

คัดแยกผ้า

อย่างแรกที่ควรทำ คือ การคัดแยกเสื้อผ้าตามสภาพที่เป็นอยู่ขณะนั้น เช่น ผ้าห่มที่เปียกชื้นหรือเหม็นอับมาก ควรแยกออกไปซักต่างหาก เพราะถ้าเอามาซักรวม จะทำให้กลิ่นและแบคทีเรียกระจายไปติดเครื่องนอนชิ้นอื่นๆ ด้วย

ซักด้วยมือ

การซักผ้าด้วยมือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ผ้าหอมนาน เพราะในการซักแต่ละครั้ง จะซักในจำนวนไม่มาก ซักอย่างพิถีพิถันและทะนุถนอมผ้าอย่างไรก็ได้ ทั้งยังสามารถแช่ผ้าห่มในน้ำยาปรับผ้านุ่มได้นานตามต้องการ ทำให้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มกระจายทั่วถึง

จำกัดจำนวนผ้าที่จะซักในแต่ละครั้ง

ในการซักผ้าแต่ละครั้ง โดยเฉพาะเมื่อซักเครื่อง หลายคนมักใส่ผ้าเข้าเครื่องแบบไม่ยั้ง บางครั้งอัดแน่นจนแทบจะล้นเครื่อง ซึ่งทำให้ผ้าไม่ค่อยสะอาดและที่สำคัญ ไม่หอมด้วย เพราะผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มกระจายได้ไม่ทั่วถึง

ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น

ถ้าต้องการให้ผ้าห่มของคุณหอมเป็นพิเศษ แนะนำให้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น เช่น คอมฟอร์ท อัลตร้า ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นพิเศษ จะช่วยให้ผ้าหอมและติดทนนานกว่า

ตากผ้าไว้กลางแดด

แสงแดดจะช่วยให้ผ้าหอมขึ้น แต่มีข้อควรระวัง คือ อย่าตากผ้าไว้กลางแสงแดดจัดนานเกินไป เพราะจะทำให้กลิ่นจางลงและเนื้อผ้าแห้งกรอบ แนะนำให้ตากไว้กลางแดดแค่ 2-3 ชั่วโมงก็พอ พอผ้าแห้งแล้วให้รีบเก็บทันที  

จุดตะเกียงน้ำมันหอมระเหยในห้องนอน

การจุดตะเกียงน้ำมันหอมระเหยหรือฉีดสเปรย์น้ำหอมสำหรับฉีดเครื่องนอนโดยเฉพาะ เลือกกลิ่นที่ช่วยปลอบประโลมและผ่อนคลายอย่างกลิ่นลาเวนเดอร์ (ควรใช้สูตรที่มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมธรรมชาติจะปลอดภัยกว่า) จะทำให้ผ้าห่มและเครื่องนอนอื่นๆ ของคุณหอมอบอวน บรรยากาศน่านอน ช่วยให้หลับสบาย แถมยังไล่แมลงได้อีกด้วย  

จำเป็นต้องทำ! ซักผ้าห่มนวมเดือนละครั้ง

เป็นอย่างไรบ้างกับเคล็ดลับข้างต้นเกี่ยวกับวิธีซักผ้าห่มให้นุ่ม หอม น่าใช้ ความคิดที่ว่านานๆ ค่อยซักทีก็ได้ ควรเลิกไปเถิดนะ  

อย่าลืมว่าเราต้องสัมผัสกับผ้านวมและเครื่องนอนนานถึง 1 ใน 3 ของเวลาในแต่ละวัน เรื่องความสะอาดจึงไม่ควรถูกละเลย เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าห่มของเรากลายเป็นที่สะสมของสิ่งสกปรก เชื้อโรค รวมทั้งไรฝุ่น ดังนั้น ควรซักผ้าห่มนวมอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

วิธีตากผ้าห่มเนื้อละเอียด

ผ้าห่มเนื้อละเอียดเป็นสิ่งของที่บอบบางและจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง บทความนี้จะแนะนำวิธีการตากผ้าห่มเนื้อละเอียดอย่างถูกต้อง

วิธีตากผ้าห่มเนื้อละเอียด

  1. แยกผ้าห่มเนื้อละเอียดออกจากผ้าอื่นๆ

  2. กลับด้านผ้าห่มก่อนตาก เพื่อป้องกันสีซีดจาง

  3. ตากผ้าห่มในที่ร่มหรือในที่ที่มีลมโกรก

  4. หลีกเลี่ยงการตากผ้าห่มกลางแดดจัด

  5. ตากผ้าห่มจนแห้งสนิทก่อนเก็บเข้าตู้

เคล็ดลับ

  • ห้ามใช้เครื่องอบผ้าในการตากผ้าห่มเนื้อละเอียด เพราะจะทำให้ผ้าห่มเสียรูปทรง

  • ห้ามใช้น้ำร้อนในการซักผ้าห่มเนื้อละเอียด เพราะจะทำให้ผ้าห่มหดตัว

  • ตรวจดูผ้าห่มเป็นระยะเพื่อดูว่าแห้งสนิทหรือไม่

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณ อย่าลืมว่าการดูแลรักษาผ้าห่มเนื้อละเอียดอย่างถูกต้องจะช่วยให้ผ้าห่มของคุณดูดีและคงทนนานขึ้น

เผยแพร่ครั้งแรก