เมื่อต้องออกไปทำงานนอกบ้าน นอกจากการสวมหน้ากาก ล้างมือให้สะอาด และเว้นระยะห่างระหว่างกันประมาณ 1-2 เมตรแล้ว อีกเรื่องที่ต้องใส่ใจให้มากขึ้นในการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ก็คือ สุขอนามัยส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงเสื้อผ้าที่ใส่ออกไปทำงาน ต้องสะอาด ปราศจากกลิ่นเหม็นอับ และเมื่อกลับถึงบ้านก็ควรต้องรู้วิธีซักชุดทำงานและวิธีฆ่าเชื้อเสื้อผ้าที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าเหล่านั้นนำพาเชื้อโรคมาแพร่ในบ้าน
สิ่งที่ต้องทำทันทีหลังกลับจากที่ทำงาน
สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกหลังกลับจากที่ทำงาน คือ ล้างมือให้สะอาดก่อนเข้าบ้าน ถอดหน้ากากอนามัยทิ้งอย่างถูกวิธีและถูกที่ถูกทาง จากนั้นทำความสะอาดและฆ่าเชื้อของใช้ติดตัว เช่น โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ ป้ายชื่อหรือบัตรพนักงาน แว่นตา นาฬิกา ปากกา กระเป๋าถือ และสิ่งของอื่นใดที่พกพาไปที่ทำงานด้วย
ในส่วนของเสื้อผ้าและรองเท้า ซึ่งมีสารพัดเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ ควรจัดการอย่างระมัดระวัง รองเท้าควรถอดพักไว้ในจุดที่อากาศถ่ายเทนอกบ้าน ส่วนเสื้อผ้า เมื่อถอดแล้วแต่ยังไม่ซักทันที ควรนำไปพักไว้ในถุงหรือตะกร้าสำหรับใส่เสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ซึ่งควรเป็นถุงผ้าตาข่ายหรือตะกร้าแบบที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อป้องกันความชื้นและเชื้อโรคหมักหมมจนเ กิดกลิ่นอับและรา
ถ้าไม่เหน็ดเหนื่อยเกินไปหรือพอมีเวลา แนะนำให้ซักชุดทำงานและเสื้อผ้าที่ใส่แล้วทันทีด้วยผงซักฟอก ส่วนรองเท้า ให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์หรือใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อฉีดให้ทั่ว ถ้าเป็นแบบที่ซักด้วยเครื่องซักผ้าได้ ควรใส่ในถุงซักแยกต่างหากจากชุดทำงาน แล้วเลือกซักในโหมดน้ำร้อน
อย่าลืมอาบน้ำสระผมและเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้เรียบร้อยก่อนทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น เล่นกับลูก นอนดูหนังฟังเพลง หรือกินมื้อเย็นกับครอบครัว
คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีแยกผ้าซัก
นอกจากแยกผ้าขาวและผ้าสีอ่อนออกจากผ้าสีแล้ว ก่อนลงมือซัก ควรแยกซักตามประเภทของเนื้อผ้าด้วย เช่น ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าใยสังเคราะห์ หรือผ้าถัก ควรเลือกผ้าที่สามารถซักรวมกันได้ ก่อนใส่ผ้าลงในถัง การเลือกผล ิตภัณฑ์ซักผ้า อุณหภูมิของน้ำ ความเร็วรอบในการปั่นแห้ง และวิธีการซักจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดผ้า
ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรซักผ้าที่สกปรกมากร่วมกับผ้าที่สกปรกน้อย ให้แยกผ้าตามความสกปรก ได้แก่ มาก ปานกลาง น้อย และไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่ซักร่วมกับผ้าขนาดเล็ก ควรซักเสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่ก่อน
สำหรับเสื้อผ้าหรือชุดทำงานที่แยกซักโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฆ่าเชื้อโดยเฉพาะ ควรซักด้วยผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่ฆ่าเชื้อโรคและยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียได้ เช่น ผงซักฟอกโอโม พลัส แอนตี้แบค หรือบรีสเอกเซล สูตรเข้มข้น ซึ่งมีให้เลือกทั้งชนิดน้ำและชนิดผง
ไม่ควรซักผ้าเพียงชิ้นเดียวเพราะจะทำให้ถังซักขาดสมดุลได้ ควรใส่ผ้าอย่างน้อย 4-5 ชิ้น ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งของตกค้างอยู่ใ นกระเป๋าเสื้อผ้า เช่น กุญแจ เหรียญ ปากกา เป็นต้น นอกจากนี้ ควรกลับเสื้อผ้าด้านในออกมาข้างนอกก่อนซัก วิธีนี้จะช่วยลดการเสียดสีจนเสื้อผ้าด้านนอกเป็นรอยและป้องกันผ้าสีสีซีดจางก่อนถึงเวลาอันควรอีกด้วย
ทำงานที่เสี่ยงติดเชื้อ ควรทำความสะอาดเสื้อผ้าอย่างไร?
สำหรับชุดทำงานที่สกปรกมากและมีความเสี่ยงสูงที่จะเชื้อโรคปนเปื้อนกลับมาบ้านด้วย เช่น ชุดทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโควิดหรือทำงานที่อยู่ในข่ายเสี่ยงติดเชื้อ มีวิธีฆ่าเชื้อเสื้อผ้าดังนี้
สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ค่อยๆ ปัดฝุ่นบางส่วนที่หลุดออกได้ง่ายออก ไม่ควรสะบัดเสื้อผ้าที่สวมใส่แล้ว เพราะอาจทำให้เชื้อโรคที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าแพร่กระจายไปในอากาศได้
ใส่น้ำในกะละมังและใส่น้ำยาซักผ้าลงไป แช่ทิ้งไว้ 15-30 นาที เพื่อขจัดคราบสกปรกออกไปให้มากที่สุด
เทน้ำทิ้งแล้วใส่น้ำลงไปอีกรอบ เทน้ำยาฆ่าเชื้อโรคตามสัดส่วนที่แนะนำบนฉลาก แล้วนำผ้าลงไปแช่ หรือนำไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 15 นาที
ล้างผ้าด้วยน้ำสะอาด 1-2 น้ำ เสร็จแล้วนำไปตากในที่แดดจัดๆ
เมื่อผ้าแห้งสนิทแล้วควรรีบเก็บทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นใยผ้าแห้งกรอบและเสื่อมสภาพเร็ว
ระหว่างการซักผ้าฆ่าเชื้อโควิด หลังนำเสื้อผ้าลงแช่หรือต้ม ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งด้วยน้ำกับสบู่ และพยายามอย่าเผลอเอามือมาสัมผัสใบหน้าจมูก ปาก หรือขยี้ตา
ซักผ้าด้วยน้ำร้อนดีอย่างไร?
ถ้าไม่มั่นใจว่าการซักผ ้าตามปกติสามารถฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนาได้หมด ให้ซักผ้าเหล่านั้นด้วยน้ำอุ่นที่อุณหภูมิ 60-90 องศาเซลเซียส กับสารทำความสะอาดที่ใช้ปกติ เช่น ผงซักฟอกหรือสบู่ เสร็จแล้วนำผ้าไปตากในที่แสงแดดส่องถึง รับรองว่าเชื้อนี้จะตายเรียบ เพราะมันไม่สามารถทนความร้อนและสารลดแรงตึงผิวจากผงซักฟอกที่จะเข้าไปทำลายไขมันที่หุ้มมันอยู่ได้
น้ำยาซักผ้า ใช้อย่างไรให้ได้เต็มประสิทธิภาพ?
วิธีใช้น้ำยาซักผ้าให้ได้เต็มประสิทธิภาพ ขั้นแรก ควรอ่านสลากเพื่อดูปริมาณการใช้น้ำยาที่ถูกต้อง การใช้ในปริมาณที่น้อยเกินไปอาจทำให้เสื้อผ้าไม่สะอาด ทั้งยังอาจทำให้สิ่งสกปรกจากเสื้อผ้าอุดตันภายในเครื่องซักผ้าและกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรียได้ ในทางตรงกันข้าม หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปก็จะสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน ์ เกิดปัญหาล้างน้ำซักผ้าออกไม่หมด และบางครั้งอาจเกิดฟองล้นเครื่อง ทำให้เครื่องซักผ้าเสียหายได้
สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า ควรวัดปริมาณการใช้น้ำยาซักผ้าโดยตวงด้วยฝาขวดผลิตภัณฑ์แล้วค่อยเทลงในช่องใส่น้ำยาซักผ้า/ผงซักฟอก สำหรับเครื่องซักผ้าฝาบน ไม่ควรเทน้ำยาลงบนเสื้อผ้าที่อยู่ในถังโดยตรง ควรวัดปริมาณการใช้น้ำยาซักผ้าโดยตวงด้วยฝาขวดผลิตภัณฑ์แล้วค่อยเทใส่ในช่องใส่น้ำยาซักผ้า/ผงซักฟอกที่อยู่ภายในถังซัก
ถ้าพบว่าเสื้อผ้าชิ้นไหนมีคราบสกปรกฝังแน่น ควรสลายคราบเบื้องต้นโดยใช้น้ำยาขจัดคราบหรือน้ำยาซักผ้าป้ายลงบริเวณที่มีคราบ ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วค่อยนำไปซัก จะช่วยให้การทำความสะอาดเสื้อผ้านั้นง่ายขึ้น เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการสลายคราบหนักอย่าง บรีสเอกเซลผลิตภัณฑ์ซักผ ้าชนิดน้ำสูตรเข้มข้น
การใส่ใจเรื่องความสะอาดก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย เมื่อกลับจากที่ทำงาน ลองสำรวจย้อนกลับดูว่าไปที่ไหน สัมผัสกับอะไร หรือติดต่อกับใครบ้าง เพื่อที่จะได้ประเมินความเสี่ยงและทำความสะอาดตัวเอง เสื้อผ้า และสิ่งของต่างๆ อย่างเหมาะสม เท่านี้ก็ช่วยป้องกันตัวเองคุณเองและสมาชิกในบ้านให้ปลอดภัยห่างไกลจากโควิดได้ไม่ยาก