Unilever logo
Cleanipedia logo

ราฝัง ผนังชื้น สีลอก บอกลาทุกปัญหา

วิธีซ่อมสีผนังลอก ลองทำเองได้ไม่ง้อช่าง

อัปเดตเมื่อ

แปรงทาสีบนกระป๋องสี

อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา แต่บางทีเราก็อยากให้บ้านเป๊ะเหมือนตามรีสอร์ทบ้าง ที่ทุกอย่างดูสะอาดสภาพดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความวุ่นวายในชีวิตประจำวันทำให้เราละเลยการบำรุงรักษาส่วนต่างๆ ของบ้าน รู้อีกทีบ้านก็หมดความงาม ยิ่งถ้าผนังชื้นสีลอก จะชวนใครมาบ้านก็อายเขา

ทำไมต้องทาสี

สมัยนี้บ้านและร้านอาหารปูนเปลือยดูเก๋ดีมีเยอะแยะ มีเหตุผลอะไรที่เราต้องทาสีบ้าน

นี่ก็เพราะการทาสีบ้านไม่ได้ให้แค่ความสวยงาม ความรู้สึกของบ้าน และทำให้บ้านดูสะอาดสะอ้านเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่อย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ด้วย

  • ปกป้องบ้านจากสภาพแวดล้อมที่อาจทำให้บ้านเสื่อมสภาพ ไม่ว่าจะความชื้น ความเค็ม อุณหภูมิ แบคทีเรีย สารเคมี รังสียูวี หรือการกัดกร่อน

  • คุณสมบัติพิเศษ เช่น ดูดหรือสะท้อนแสงและความร้อน

  • เปลี่ยนคุณสมบัติของผนัง เช่น ความแข็งแรง การนำไฟฟ้า หรือการป้องกันแรงเสียดทาน 

เมื่อผนังบ้านทำการประท้วง

บางทีผนังบ้านอาจจะกำลังพยายามส่งสัญญาณบอกอะไรบางอย่างกับคุณอยู่ ลองมาทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผนังกำลังจะสื่อ เพื่อที่คุณจะได้จัดการกับปัญหาได้ทันก่อนจะบานปลาย

ผนังแตกร้าว

ผนังแตกร้าวเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา เสมือนสัญญาณที่บอกว่าถ้าคุณไม่ทำอะไร ต่อไปผนังจะลอกล่อน

ผนังบวม

ผนังบวมแสดงให้เห็นว่าคุณสมบัติในการยึดเหนี่ยวของสีกับผนังเสื่อมสภาพและไม่ยึดเกาะเป็นหนึ่งเดียวกัน

ผนังชื้น สีลอก

ถ้าผนังลอกแล้วก็หมายความว่าผนังคุณเดินทางมาถึงปัญหารุนแรงขั้นสุดที่สีไม่สามารถยึดติดกับผนังได้อีกต่อไป อาจเกิดขึ้นแบบฉับพลันหรือต่อเนื่องจากปัญหาผนังแตกร้าวหรือผนังบวมก็ได้

สาเหตุปัญหาผนังบ้าน

การที่ผนังบ้านมีจุดจบที่การแตกร้าว การบวม หรือสีลอกล่อน มีสาเหตุจากปัจจัยที่เราควบคุมได้เช่น การเลือกช่างทาสีมีฝีมือไม่ดีพอ การเลือกสีที่มีคุณภาพไม่เหมาะกับการใช้งาน การเตรียมหน้างานก่อนทาสีไม่ดี รวมถึงการทาสีที่ผิดวิธี และปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น สภาพอากาศ ความร้อน และที่มีผลมากที่สุดก็ความชื้น

วิธีจัดการปัญหาสีผนังลอก

คุณสามารถจัดการกับสีลอกที่ผนังได้โดยไม่ต้องพึ่งช่าง และเป็นสิ่งที่คุณควรรีบทำด้วยเมื่อพบปัญหา

อุปกรณ์

  • เกรียงปากแบน

  • ไขควงปากแบน

  • ค้อน

  • กระดาษทรายเนื้อละเอียด

  • ผ้าปูพื้น

  • เทปสำหรับงานทาสี

  • ผ้าหรือฟองน้ำ

วัสดุก่อสร้าง

  • แป้งโป๊ผนังสำเร็จรูป

  • สีทารองพื้น

  • สีทาผนัง

  • เบกกิ้งโซดา

  • น้ำส้มสายชู

วิธีซ่อมสีผนังลอก

ซ่อมสีผนังลอกฟังดูยิ่งใหญ่ แต่คุณอย่าเพิ่งกลัวไป เราแจกแจงวิธีง่ายๆ ทีละขั้นตอน

  1. เตรียมตัวและเตรียมพื้นที่ คุณควรเริ่มจากสวมใส่อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ได้แก่ แว่น หน้ากาก N95 และถุงมือ เพื่อป้องกันเศษผงต่างๆ เข้าตาและจมูก รวมถึงป้องกันการโดนบาด การเตรียมพื้นที่มีจุดประสงค์หลักคือเพื่อป้องกันไม่ให้พื้นที่อื่นเปรอะเปื้อนไปด้วย จึงต้องทำอย่างพิถีพิถันมากถ้าเป็นในบ้าน ย้ายเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ และพรมออกจากพื้นที่ ปูพื้นด้วยผ้าผืนใหญ่และหนา ปิดขอบประตูและหน้าต่างด้วยเทปสำหรับงานทาสี

  2. เตรียมพื้นผิว ตรวจสอบผนังให้ทั่วว่ามีรอยรั่วหรือไม่ เพื่อกำจัดความชื้นจากพื้นที่ ลอกคราบสีเก่าโดยการใช้เกรียงปากแบนหรือแปรงลวด

  3. ซ่อมแซมผนัง หากผนังมีรอยแตก รอยร้าว ผิวผนังขรุขระ หรือมีรู ใช้ค้อนหรือไขควงแซะเศษผนังและสีที่ลอกออก ปิดรูและรอยแตกร้าวด้วยแป้งโป๊ผนังสำเร็จรูป ใช้กระดาษทรายขัดผิวให้เรียบเสมอกัน จากนั้นใช้วิธีทำความสะอาดผนังบ้าน หากเป็นผนังภายในบ้านให้นำผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำเช็ดเศษผงออก หากเป็นผนังภายนอกที่มีพื้นที่กว้างให้ใช้สายยางล้างบนผนังได้เลย แต่ต้องทิ้งไว้ 2-3 วันเพื่อให้ผนังแห้งสนิทก่อนทาสี

  4. ทารองพื้น เมื่อผนังเรียบ แห้งสนิท และไร้สิ่งสกปรกแล้ว ให้ใช้แปรงหรือถ้าพื้นที่กว้างก็ใช้ลูกกลิ้งทาสีในการทาสีรองพื้น โดยให้เลือกชนิดที่เหมาะกับพื้นผิว หากเป็นผนังนอกบ้านอาจใช้ชนิดที่เป็น สเปรย์ แต่หากเป็นห้องครัวหรือห้องน้ำควรใช้แบบที่ใช้ตัวทำละลายเป็นน้ำมันเพื่อช่วยป้องกันความชื้น

  5. ทาสี อ่านวิธีใช้งาน คำแนะนำ และคำเตือนข้างกระป๋องสีให้เข้าใจก่อนเริ่มลงมือเพื่อให้มั่นใจว่าคุณทาสีถูกวิธีจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง เมื่อทาสีเสร็จทิ้งไว้จนแห้งสนิทก่อนจะใช้งานในพื้นที่

วิธีทาสีบ้านด้วยตัวเอง ขั้นตอนการทาสีบ้านก็คล้ายๆ วิธีซ่อมสีผนังลอก แต่การทาสีจะครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น โดยการทาสีบ้านสำหรับผนังภายนอกและผนังภายในบ้านก็มีขั้นตอนไม่ต่างกันมากนัก แต่การทาสีบ้านภายนอกจะมีปัจจัยด้านสภาพอากาศเข้ามาเกี่ยวข้อง

  1. วางแผน หากเป็นผนังภายนอกบ้าน คุณควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศก่อนและไม่ทาสีหากฝนจะตกหรืออุณหภูมิสูงหรือมีความชื้นสูง การทาสีภายในบ้านก็เช่นกัน แม้จะไม่ได้สัมผัสกับสภาพอากาศโดยตรง แต่วันในฝนตกที่มีความชื้นสูง คุณก็ไม่ควรทาสีเพราะจะทำให้สีแห้งช้า อีกเรื่องที่ต้องวางแผนก็คือเรื่องการทาสี การเลือกสีให้เหมาะกันพื้นที่ที่จะทา เช่น หากเป็นห้องน้ำหรือห้องครัวก็อาจจะใช้สีสำหรับป้องกันผนังขึ้นรา รวมถึงต้องคิดปริมาณสีที่จะใช้ให้ดีเพื่อป้องกันปัญหาสีไม่พอหรือสีเหลือ

  2. การเตรียมตัวและเตรียมพื้นที่ สวมใส่แว่น หน้ากาก N95 และถุงมือ เอาของต่างๆ ที่กีดขวางการทาสีออกจากพื้นที่ให้หมด รวมถึงนำของตกแต่งต่างๆ ที่ห้อยอยู่บนผนังลงมาด้วย ปูผ้ารองกันเลอะ แซะคราบและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดอยู่บนผนังออก หากผนังของคุณมีการเคลือบเงา ให้ใช้กระดาษทรายขัดเคลือบเงาออกให้หมดเพื่อช่วยให้สีติดดีขึ้น หากมีรูก็ให้ใช้แป้งโป๊สำเร็จรูปอุด ใช้กระดาษทรายขัดให้ผนังเรียบเนียน

  3. การทาสีรองพื้น อย่าลืมแปะเทปสำหรับงานทาสีเพื่อกันพื้นที่ที่คุณไม่อยากให้เลอะ ทั้งเพดานและขอบประตูหน้าต่าง การทาสีสำหรับผนังที่มีพื้นที่กว้าง ควรทาสีจากด้านบนลงด้านล่าง สำหรับสีรองพื้นที่ดีควรมีความยืดหยุ่นสูงเพื่อช่วยประสานรอยแตก สามารถป้องกันด่างและคราบเกลือเพื่อป้องกันสีลอกล่อน ทนต่อสภาพอากาศ และปลอดสารปรอท ตะกั่ว โลหะหนัก รวมถึงไม่มีกลิ่นฉุน

  4. การทาสีผนัง การเลือกสีต้องเหมาะกับพื้นที่การใช้งาน รวมถึงวัสดุของพื้นผิวที่จะทา โดยทั่วไปสีทาผนังประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ สี สารยึดเกาะ ตัวทำละลายเพื่อกันไม่ให้สีจับตัวเป็นก้อน และสารเติมแต่งเพื่อคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ประเภทของสีและการเลือกใช้แบ่งหลักๆ ได้ดังนี้ สีน้ำอะครีลิคหรือสีน้ำพลาสติก - ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย เหมาะกับพื้นผิวปูน ซีเมนต์ และคอนกรีต สีน้ำมัน - ใช้น้ำมันหรือทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย เหมาะกับพื้นผิวโลหะและไม้ สีทาผนังภายนอก - ต้องทนต่อสภาพอากาศ ทั้งแดด ฝน ลม ความชื้น และความร้อน ป้องกันเชื้อราและตะไคร่น้ำ กันน้ำซึมได้ดี และสามารถยืดหดตามโครงสร้างได้ สีทาผนังภายใน - ควรเน้นคุณสมบัติที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อยู่อาศัย เช่น ป้องกันเชื้อราและแบคทีเรีย ฝุ่นไม่เกาะ ทำความสะอาดง่าย ไม่มีกลิ่นฉุน รวมถึงสวยงามด้วย

  5. ข้อควรระวัง! เพื่อไม่ให้การทาสีผิดพลาด มีปัจจัยบางอย่างที่คุณไม่ควรมองข้าม แสงสว่าง - การทาสีภายในบ้าน ควรใช้ไฟที่สว่างและเป็นแสงขาวเพื่อให้คุณเห็นสีที่ไม่ผิดเพี้ยนและเห็นความสม่ำเสมอของการทาได้ดียิ่งขึ้น การทาสีซ้ำ - รอจนสีชั้นแรกแห้งสนิทก่อนจึงจะทาชั้นต่อไปซ้ำ เพื่อช่วยให้สีเกาะแน่นขึ้นและลดความชื้นที่ผนัง การเก็บ - หากคุณไม่สามารถปิดงานได้ในคราวเดียวก็ควรเก็บสีให้ดี ปิดฝาให้มิดชิด และเลี่ยงที่ที่เย็นเกินไปเพราะจะทำให้สีจับตัวกันเป็นก้อน

วิธีทำความสะอาดผนังบ้าน ผนังบ้านแม้จะเป็นสิ่งที่เรามองเห็นในทุกๆ วัน แต่ก็มักเป็นจุดที่เรามองข้ามเวลาทำความสะอาด ถึงพื้นที่จะใหญ่แต่ก็ทำความสะอาดได้ไม่ยาก

  1. ปัดฝุ่น คุณควรปัดฝุ่นและหยากไย่หรือดูดฝุ่นผนังเป็นประจำเพื่อลดฝุ่นภายในบ้าน รวมถึงสปอร์เชื้อราที่คุณอาจมองไม่เห็น โดยเฉพาะหากบ้านคุณเปิดประตูหรือหน้าต่างบ่อยๆ ก็อาจทำให้ฝุ่นจากภายนอกปลิวเข้ามาในบ้าน

  2. การเช็ดผนัง หากผนังบ้านของคุณไม่ได้เปรอะเปื้อนมาก เพียงใช้น้ำอุ่นผสมสบู่หรือน้ำยาล้างจานเช็ด และเช็ดตามด้วยน้ำสะอาดก็เพียงพอแล้ว แต่หากคุณอยากเพิ่มพลังการขจัดคราบหมองคล้ำก็อาจใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดผนัง

  3. ผนังขึ้นรา การกำจัดเชื้อราบนผนัง ควรรีบทำเมื่อพบเห็นก่อนเชื้อราจะฝังลึกและลุกลาม เบกกิ้งโซดา - ผสมเบกกิ้งโซดา 1 ส่วนกับน้ำ 5 ส่วน พ่นบริเวณผนังที่มีเชื้อราแล้วเช็ดออก น้ำส้มสายชู - จะใช้น้ำส้มสายชูล้วนหรือผสมน้ำในอัตราส่วน 1:1 เช็ดบริเวณผนังขึ้นราก็ได้หมด น้ำยาทำความสะอาด - หากไม่มีเวลา อาจเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดสำเร็จรูปสูตรฆ่าเชื้อโรค ข้อดีก็คือ น้ำยาเดียวจัดการทั้งเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส เช่น สเปรย์ฆ่าเชื้อโรคโปรแมกซ์

วิธีแก้ผนังชื้น หากคุณกำจัดปัญหาผนังชื้นได้ ก็ช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ที่จะตามมาด้วย ไม่ว่าจะช่วยลดปัญหาผนังขึ้นรา ลดปัญหาผนังแตกร้าวหรือผนังบวม รวมถึงลดการเกิดสีลอกล่อน

  • เพิ่มการระบายอากาศภายในบ้าน - เปิดประตูและหน้าต่าง คุณอาจเพิ่มการติดพัดลมดูดอากาศ โดยเฉพาะบริเวณที่มีน้ำและความชื้นสูง เช่น ห้องครัวหรือห้องน้ำ 

  • ลดความชื้น - เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ห้องสะสมความชื้น เช่น ไม่ตากผ้าในบ้าน ไม่รดน้ำต้นไม้ในบ้านจนแฉะเกินไป 

  • รอยรั่ว - หมั่นตรวจตรารอยรั่วตามก๊อกน้ำ แนวท่อ ขอบประตูหน้าต่าง ฝ้าเพดาน โดยหากพบรอยรั่วก็ให้รีบซ่อมแซม 

  • กันฝนสาด - ติดกันสาดหรือปิดประตูหน้าต่างเวลาฝนตกป้องกันฝนสาดเข้าบ้าน

วิธีกันผนังชื้นและวิธีซ่อมสีผนังลอกไม่เพียงช่วยทำให้บ้านดูดีและช่วยแก้ปัญหาบ้านเท่านั้น แต่ยังช่วยดูแลสุขภาพคนในบ้านด้วย บ้านไร้รา ไม่มีฝุ่น ดีต่อระบบทางเดินหายใจของผู้อาศัย

เผยแพร่ครั้งแรก