วันนี้เราจะไม่พูดถึงความสามารถในการซักผ้าของน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่ม แต่เราจะพาคุณไปดูประโยชน์ด้านอื่นของสองสิ่งนี้ที่คุณต้องเซอร์ไพรส์ เพราะมีวิธีใช้น้ำยาซักผ้าและวิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มอีกหลายอย่างให้คุณเลือกใช้
คุณรู้จักผลิตภัณฑ์ซักผ้าดี
ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์ซักผ้าจะสร้างมาเพื่อการซักผ้าเท่านั้น แต่คุณสมบัติของส่วนประกอบต่างๆ และการทำงานของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ทำให้คุณสามารถใช้ประโยชน์อื่นๆ นอกจากการซักผ้าได้ด้วย
ผงซักฟอกและน้ำยาซักผ้า
ปัจจุบันนี้ในท้องตลาดมีผลิตภัณฑ์ซักผ้าให้คุณเลือกมากมาย มีทุกสูตรที่ผลิตมาเพื่อการซักผ้าให้มีประสิทธิภาพ ทั้งสูตรซักผ้าขาว สูตรซักผ้าสี หรือสูตรขจัดคราบฝังลึก แต่ไม่ว่าจะสูตรใดๆ ก็มีส่วนผสมหลักๆ คือ
สารปรับความกระด้างของน้ำเพื่อให้การทำงานของผลิตภัณฑ์ซักผ้าดียิ่งขึ้น
สารลดความตึงผิวที่ช่วยให้ผ้าเปียกและสิ่งสกปรกหลุดง่ายขึ้น
เอนไซม์เพื่อช่วยย่อยคราบไขมัน คราบโปรตีน คราบแป้ง หรือคราบคาร์โบไฮเดรต
สารเร่งการฟอกและสารฟอกขาว โดยเฉพาะในน้ำยาซักผ้าขาว
สารอื่นๆ เช่น สารเพิ่มความสดใส สารเพิ่มฟอง น้ำหอม สี
น้ำยาปรับผ้านุ่ม
หลังการซักผ้า เส้นใยในเนื้อผ้ามักมีความแข็งกระด้าง จึงต้องใช้น้ำยาปรับมานุ่มเข้ามาทำให้ผ้าคืนความนุ่ม โดยส่วนประกอบหลักของน้ำปรับผ้านุ่มก็มีแค่ไขและสารละลายไข
เมื่อละลายน้ำ น้ำยาปรับผ้านุ่มจะมีประจุบวก จึงไปจับบนผิวของเส้นใยผ้าในน้ำที่มีประจุลบ ทำให้เคลือบพื้นผิวของผ้าให้มีความนุ่มและลดไฟฟ้าสถิตเมื่อเกิดการเสียดสี แถมยังลดการอุ้มน้ำทำให้ผ้าแห้งไวขึ้น
เริ่ดจัง! ตังค์อยู่ครบ
วิธีใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าและวิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่คุณอาจยังไม่รู้
จู่ๆ ของที่คุณมีติดบ้านตลอดเวลาอย่างน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็มีคุณค่าเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มสักบาท
อุปกรณ์
ขวดสเปรย์
ถ้วยตวง
ช้อนตวง
ผลิตภัณฑ์
น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอก เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์ซักผ้า อย่างบรีสเอกเซล เพราะเป็นสูตรที่ช่วยขจัดคราบออกได้ง่าย ไม่ต้องออกแรงซักเยอะ
น้ำยาปรับผ้านุ่ม ขอแนะนำผลิตภัณฑ์จากคอมฟอร์ท ตัวช่วยในการช่วยดูแลผ้า
อื่นๆ ได้แก่ น้ำมันพืช เบกกิ้งโซดา
10 วิธีใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าในแบบที่แตกต่าง
น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกที่คุณหยิบใช้จนชินมือ คุณคงไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือไปจากการซักผ้า ลองอ่านวิธีใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าต่อไปนี้ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนใจ
1. น้ำยาทำความสะอาดครอบจักรวาล
ผสม ¼ ถ้วยตวงของผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าในน้ำอุ่น 5 แกลลอน แบ่งใส่ขวดสเปรย์เพื่อให้สะดวกในการใช้งาน เท่านี้คุณก็มีน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง ใช้สำหรับเช็ดทำความสะอาดได้ทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะในห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น บนเคาน์เตอร์ หรือห้องของเด็กๆ
2. สบู่ล้างมือสำหรับคราบหนัก
หากมือคุณเปื้อนน้ำมันเครื่องยนต์ที่เป็นคราบดำและมีความมัน ให้คุณผสมน้ำยาซักผ้า 1 ช้อนชากับน้ำมันพืช 1 ช้อนชา นำมาถูมือจนคราบหลุดออก จากนั้นล้างมือด้วยสบู่ตามปกติ วิธีใช้น้ำยาซักผ้าทำความสะอาดคราบหนักจะไม่ทำให้มือของคุณระคายเคือง
3. ล้างคราบมันและคราบฝังแน่น
ห้องน้ำและห้องครัวมักมีคราบมันและคราบที่ฝังแน่น หากคุณไม่ต้องการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ให้คุณเลือกวิธีใช้นำยาซักผ้า 5-7 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1 แกลอน จากนั้นใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบและขัดบริเวณที่มีคราบ
4. ทำความสะอาดคราบบนพรม
การทำความสะอาดพรมเป็นเรื่องค่อนข้างลำบาก แต่ถ้าพรมมีคราบก็จะดูไม่สวยงาม สำหรับคราบใหม่ๆ ให้คุณผสมผงซักฟอกกับเบกกิ้งโซดา โรยไปบนคราบ ทิ้งไว้สักพักแล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก
สำหรับคราบฝังแน่น ผสมน้ำยาซักผ้า 2 ช้อนโต๊ะกับน้ำแล้วทาไปบนคราบ ทิ้งไว้สักระยะแล้วจึงนำผ้ามาซับน้ำยาออก
5. เช็ดทำความสะอาดเบาะและโซฟา
วิธีใช้น้ำยาซักผ้าแทนน้ำยาเช็ดเบาะทำได้โดยการผสมน้ำยาซักผ้า 1 ถ้วยตวงกับน้ำ 2 ถ้วยตวง บรรจุลงในขวดสเปรย์เพื่อฉีดพ่นทำความสะอาดเบาะและโซฟา ทั้งในบ้านและบนรถ
6. แก้ปัญหาท่อน้ำตัน
หากท่อนำที่บ้านคุณตันและไม่มีผลิตภัณฑ์แก้ท่อตันติดบ้าน ให้คุณเทน้ำยาซักผ้า ¼ ถ้วยตวงลงในท่อ ทิ้งไว้สักพัก แล้วจึงเทน้ำเดือดตามลงไป
7. ทำความสะอาดของเล่นเด็ก
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเด็กไม่ควรมีสารเคมีรุนแรง เพราะเด็กอาจนำเข้าปาก ในการทำความสะอาดของเล่นเด็ก ให้คุณเปิดน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำหรืออ่างล้างจาน บีบน้ำยาซักผ้าลงไปพอประมาณขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ นำของเล่นลงไปแช่ทิ้งไว้ จากน้ำล้างด้วยน้ำ และเช็ดให้แห้ง
8. กำจัดศัตรูพืช
หากสวนของคุณมีศัตรูพืชคอยกวนใจ ให้คุณโรยผงซักฟอกไปบนศัตรูพืช ทิ้งไว้จนศัตรูพืชกลายเป็นสีน้ำตาลแล้วจึงถางออก
9. ขจัดคราบน้ำมันในโรงรถ
หากโรงรถของคุณมีคราบน้ำมันซึ่งอาจทำให้ผู้เดินผ่านไปมาลื่นหกล้มได้ ให้คุณโรยผงซักฟอกไปบนคราบและทิ้งไว้ให้ผงซักฟอกดูดซับน้ำมัน ก่อนจะใช้แปรงขัดและเช็ดทำความสะอาด
10. ฆ่าเชื้อโรค
น้ำยาซักผ้าขาวมีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรต์ ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัสได้ โดยองค์การอนามัยโลกระบุว่าโซเดียมไฮโปคลอไรต์ 0.1% สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ใน 1 นาที เหมาะกับการทำความสะอาดพื้นห้องและพื้นผิวแข็ง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีข้อแนะนำสำหรับส่วนผสมดังนี้
น้ำยาซักผ้าขาวที่มีโซเดียมไฮโปคลอไรต์ 2.54% ให้ผสม 2.8 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 1 ลิตร
น้ำยาซักผ้าขาวที่มีโซเดียมไฮโปคลอไรต์ 5% ให้ผสม 1.3 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 1 ลิตร
น้ำยาซักผ้าขาวที่มีโซเดียมไฮโปคลอไรต์ 5.7% ให้ผสม 1.2 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 1 ลิตร
น้ำยาซักผ้าขาวที่มีโซเดียมไฮโปคลอไรต์ 6% ให้ผสม 1.1 ช้อนโต๊ะกับน้ำ 1 ลิตร
7 วิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มแนวใหม่
น้ำยาปรับผ้านุ่มของคุณมีดีกว่าแค่ให้ความหอมและความนุ่ม มาหาคำตอบกันเลย
1. ลดปัญหาไฟฟ้าสถิต
เส้นใยของพรมมักเกิดไฟฟ้าสถิตเมื่อมีการเสียดสี แก้ได้โดยการผสมน้ำยาปรับผ้านุ่ม 1 ฝา กับน้ำประมาณ 2 ลิตร ฉีดพ่นบนพรมแล้วทิ้งไว้ข้ามคืนให้แห้ง
2. กำจัดฝุ่นและคราบน้ำ
ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่ม ¼ ถ้วยตวงกับน้ำ 1 ถ้วยตวงในขวดสเปรย์ ฉีดพ่นและใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวกระจกเพื่อขจัดคราบน้ำและลดการเกิดฝุ่นเกาะ เช่น ประตูห้องน้ำ หน้าต่าง หรือโต๊ะกระจก
3. ขจัดคราบอาหารไหม้เกรอะกรัง
อีกวิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ฟังดูไม่น่าจะเป็นไปได้ก็คือ ล้างคราบอาหารไหม้ที่ติดบนเครื่องครัว เพียงเติมน้ำอุ่นในหม้อหรือกระทะ หยดน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปสัก 2-3 หยด ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วจึงใช้ฟองน้ำขัดล้าง
4. กำจัดขนสัตว์เลี้ยง
ขนน้องหมาน้องแมวเข้าไปพันในเส้นใยพรมทำอย่างไรก็ไม่หลุด วิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มช่วยได้ ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มกับน้ำในขวดสเปรย์ที่สัดส่วน 1:2 ฉีดพ่นบางๆ บนพรม ทิ้งไว้ให้แห้ง ก่อนดูดฝุ่น ขนสัตว์ก็จะถูกดูดได้ง่ายขึ้น
5. ล้างแปรงทาสีและพู่กัน
ศิลปินทั้งหลายฟังทางนี้ น้ำยาปรับผ้านุ่มช่วยแก้ปัญหาขนแปรงแข็งได้ สำหรับพู่กันขนาดเล็ก ใส่น้ำลงในแก้วและเติมน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไป 1 ช้อนชา หากเป็นแปรงทาสีขนาดใหญ่ ให้ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่ม ½ ถ้วยตวงในน้ำ 1 แกลลอน จุ่มแปรงทาสีและพู่กันลงไป ทิ้งไว้จนขนแปรงอ่อนนุ่มแล้วล้างด้วยน้ำ
6. ล้างคราบเหนียวของกาว สติกเกอร์ และวอลเปเปอร์
อีกวิธีใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีประโยชน์มากก็คือการล้างคราบกาว ไม่ว่าจะหลังจากที่คุณลอกฉลากผลิตภัณฑ์ สติกเกอร์ หรือวอลเปเปอร์ ให้คุณผสมน้ำยาปรับผ้านุ่ม 1 ฝาในน้ำประมาณ 1 ลิตร ใช้ฟองน้ำชุบส่วนผสมเช็ดบนคราบกาว ทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วเช็ดอีกครั้งด้วยผ้าชุบน้ำ
7. ดับกลิ่นในห้อง
เลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นที่คุณชื่นชอบ ผสมน้ำและน้ำยาปรับผ้านุ่มในขวดสเปรย์ที่สัดส่วน 2:1 เติมเบกกิ้งโซดาลงไป 2 ช้อนโต๊ะ เท่านี้ก็นำไปฉีดพ่นดับกลิ่นในห้องได้แล้ว
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ผลิตภัณฑ์ซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ไม่ต้องเสียเงินและเสียเวลาหาซื้อผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ประโยชน์เยอะแบบนี้ไม่ลองไม่ได้แล้วนะ
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือล็อกดาวน์ คุณมีการเปลี่ยนแปลงวิธีหรือขั้นตอนการทำความสะอาดของคุณหรือไม่?
เผยแพร่ครั้งแรก