Unilever logo
Cleanipedia logo

ไขข้อสงสัยสัญลักษณ์ดูแลเสื้อผ้าคืออะไร มีความหมายว่ายังไง

ตอบทุกข้อสงสัยความหมายของสัญลักษณ์การดูแลเสื้อผ้า พร้อมวิธีอ่านสัญลักษณ์ที่ถูกต้อง แบ่งตาม 6 กลุ่มสัญลักษณ์ เพื่อการดูแล-ซักทำความสะอาดผ้าอย่างเหมาะสม แค่อ่านให้เป็น ก็ดูแลเสื้อผ้าได้เต็มที่แล้ว

อัปเดตเมื่อ

เวลาอ่าน: นาที

สัญลักษณ์ดูแลเสื้อผ้า

สัญลักษณ์การดูแลเสื้อผ้า

เรื่องที่หลายคนกำลังสงสัย และถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของการดูแลเสื้อผ้า คือการอ่านสัญลักษณ์ดูแลเสื้อผ้า เพราะสัญลักษณ์ดูแลผ้ามีเยอะแยะและหลากหลายมาก จะซักผ้าทั้งทีก็ต้องสับสนไปพักใหญ่ ว่าเสื้อตัวนี้ต้องซักแบบไหน แล้วต้องรีดยังไงต่อ เราจึงมาแชร์ความหมายและวิธีอ่านสัญลักษณ์การดูแลผ้า เพื่อการดูแลทำความสะอาดเสือ้ผ้าได้อย่างเหมาะสมและถูกวิธี

สัญลักษณ์การดูแลผ้าคืออะไร

สัญลักษณ์การดูแลผ้า คือสิ่งที่จะช่วยแนะนำว่าเราควรจะดูแลเสื้อผ้าตัวอย่างไร มีข้อควรระวังเป็นพิเศษอะไรบ้างเกี่ยวกับเสื้อผ้าตัวนั้นๆ โดยมักจะบอกทั้งวิธีซักผ้า วิธีปั่นผ้า วิธีตากผ้า รวมถึงวิธีรีดผ้า ซึ่งเราจะหาสัญลักษณ์ดูแลผ้าได้ด้วยการพลิกด้านในของเสื้อออกมา มองหาป้ายแถบเล็กๆ ที่ยื่นออกมาจากเสื้อ ซึ่งในป้ายนี้นอกจากจะบอกวิธีการดูแลผ้าแล้ว เสื้อผ้าหลายๆ ยี่ห้อยังบอกด้วยว่าเสื้อผ้าตัวนี้ ทำมาจากผ้าชนิดใดบ้าง หรือบางยี่ห้อก็บอกละเอียดถึงสถานที่ผลิตด้วย เมื่อเรารู้วิธีอ่านและความหมายของสัญลักษณ์ดูแลผ้า ก็จะสามารถดูแลเสื้อผ้าตัวโปรดของเราได้อย่างถูกวิธี ให้เสื้อผ้าสวยเหมือนใหม่ ไม่เสียทรง และไม่ซีดจาง เอาออกมาใส่กี่ครั้งก็รู้สึกมั่นใจเสมอ เพราะฉะนั้นตามมาดูกันเลย ว่าสัญลักษณ์ดูแลผ้ามีกี่ประเภท แล้วแต่ละประเภทบอกอะไรเราได้บ้าง

6 ประเภทหลักของสัญลักษณ์ดูแลผ้า

1. การซัก

บอกวิธีซัก: แบ่งได้เป็น 3 สัญลักษณ์ที่ทำความเข้าใจและจดจำได้ง่ายๆ

  • สัญลักษณ์แรกคือสามารถซักได้ทั้งมือและเครื่องซักผ้า

  • สัญลักษณ์ต่อมาที่มีลักษณะเป็นรูปมือยื่นลงมา หมายความว่าควรซักมือเท่านั้น

  • สัญลักษณ์สุดท้ายที่มาเครื่องหมายกากบาทอยู่ตรงกลาง หมายความว่าห้ามซักแบบปกติ ควรซักแห้งเท่านั้น ซึ่งเสื้อผ้าที่ควรซักแห้งก็จะเป็นเสื้อผ้าที่ดูแลยากๆ เช่นเสื้อขนเฟอร์ เสื้อขนสัตว์ เสื้อหนัง และเสื้อกำมะหยี่

บอกอุณหภูมิในการซัก: แบ่งออกได้ 6 สัญลักษณ์ ตามระดับอุณหภูมิที่กำหนดไว้ โดยสัญลักษณ์จะมีทั้งแบบเป็นจุดอยู่ตรงกลาง และแบบที่มีตัวเลขกำกับอยู่ โดยจะไล่ตั้งแต่อุณหภูมิ 30 องศา = สัญลักษณ์ที่มี 1 จุด ไปจนถึงอุณหภูมิ 95 องศา = สัญลักษณ์ที่มี 6 จุด ตามภาพตัวอย่าง

บอกรอบการซัก: แบ่งได้เป็น 3 สัญลักษณ์ตามจำนวนรอบการซักผ้า

  • รูปถังซักที่ไม่มีขีด หมายความว่าใช้รอบการซักปกติ หรือที่เรียกว่า Regular เป็นการปั่นซัก 1 รอบ ตามด้วยน้ำเปล่า 2 รอบ ก่อนจะปั่นหมาดด้วยความเร็วสูง ซึ่งสัญลักษณ์แบบนี้มักพบในเสื้อผ้าที่มาเนื้อผ้าทนทาน แข็งแรง เสื้อผ้าที่ใส่ง่ายๆ ในชีวิตประจำวันนั่นเอง

  • รูปถังซักที่มีขีดข้างใต้ 1 ขีด หมายความว่าใช้รอบการซักสำหรับผ้ารีดสำเร็จ หรือที่เรียกว่า Permanet Press เป็นการปั่นซัก 1 รอบ ตามด้วยน้ำเปล่า 2 รอบ ก่อนจะปั่นหมาดด้วยความเร็วปานกลาง มักใช้สำหรับผ้าสี ผ้าใยสังเคราะห์ ผ้าที่ไม่ต้องรีดหรือรีดสำเร็จ

  • รูปถังซักที่มีขีดข้างใต้ 2 ขีด หมายความว่าใช้รอบในการซักสำหรับผ้าบอบบาง หรือที่เรียกว่า Delicate เป็นการซักด้วยโหมดถนอมผ้า ใช้วิธีปั่นหมาดด้วยความเร็วต่ำ เพื่อถนอมเส้นใยของผ้าไว้ นิยมใช้สำหรับผ้าลินิน ผ้าใยขนสัตว์

2. การซักแห้ง

สัญลักษณ์การซักแห้งที่บอกข้อมูลหลักๆ จะแบ่งออกเป็น 5 สัญลักษณ์ดังนี้

  • รูปวงกลมเปล่า หมายความว่าต้องใช้วิธีการซักแห้งเท่านั้น

  • รูปวงกลม มีตัว A ตรงกลาง หมายความว่าเป็นการซักแห้งที่ใช้น้ำยาซักแห้งได้ทุกชนิด

  • รูปวงกลม มีตัว P ตรงกลาง หมายความว่าเป็นการซักแห้งที่ใช้น้ำยาซักแห้งได้เกือบทุกชนิด ยกเว้นสารไตรคลอโรเอทธิลีน ที่มีคุณสมบัติเป็นสารความสะอาดแต่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม

  • รูปวงกลม มีตัว F ตรงกลาง หมายความว่าเป็นการซักแห้งที่ใช้น้ำยาซักแห้งชนิดละลายปิโตรเลียมเท่านั้น

  • รูปวงกลม มีกากบาททับ หมายความว่าห้ามซักแห้งเด็ดขาด

3. การอบแห้งและปั่นแห้ง

ทั้งสัญลักษณ์การอบแห้ง และการปั่นแห้งจะมีหน้าตาที่คล้ายกันคือเป็นวงกลมที่อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม แต่ส่วนประกอบของสัญลักษณ์ก็จะต่างกันออกไปตามการใช้งาน

การอบแห้ง: เน้นบอกอุณหภูมิเป็นส่วนใหญ่ สัญลักษณ์จึงเป็นแบบใช้จุดในการอธิบายรายละเอียด

  • ด้านในวงกลมเป็นสีทึบ หมายความว่าห้ามใช้ความร้อน

  • ด้านในวงกลมโล่งๆ หมายความว่าไม่จำกัดอุณหภูมิในการอบและปั่นแห้ง

  • ด้านในวงกลมมี 1 จุด หมายความว่าใช้อุณหภูมิต่ำ

  • ด้านในวงกลมมี 2 จุด หมายความว่าใช้อุณหภูมิปานกลาง

  • ด้านในวงกลมมี 3 จุด หมายความว่าใช้อุณหภูมิสูง

การปั่นแห้ง: จะบอกโหมดที่ใช้เป็นหลัก โดยจะแยกได้จากจำนวนขีดข้างใต้สัญลักษณ์หลัก

  • ไม่มีขีด หมายความว่าปั่นแห้งได้ตามปกติ

  • มี 1 ขีด หมายความว่าใช้การปั่นแห้งด้วยโหมดผ้ารีดสำเร็จ

  • มี 2 ขีด หมายความว่าใช้การปั่นแห้งด้วยโหมดถนอมผ้า

  • มีกากบาททับ หมายความว่าห้ามอบแห้งและปั่นแห้งโดยเด็ดขาด

4. สารฟอกขาว

หมวดสารฟอกขาวจะมีสัญลักษณ์เริ่มต้นเป็นสามเหลี่ยม จากนั้นจึงจะค่อยๆ เติมรายละเอียดด้วยเครื่องหมายอื่นๆ

  • สามเหลี่ยมเปล่า หมายความว่าใช้สารฟอกขาวได้ทุกชนิด

  • สามเหลี่ยมมีกากบาททับ หมายความว่าห้ามใช้สารฟอกขาว

  • สามเหลี่ยมมีตัวอักษร CI หมายความว่าสามารถใช้สารฟอกขาวที่มีคลอรีนได้

  • สามเหลี่ยมมีขีดทแยง 2 ขีด หมายความว่าห้ามใช้สารฟอกขาวที่มีคลอรีน

5. การตาก

สัญลักษณ์ประเภทนี้อาจจะจำยากซักหน่อย เพราะมีเครื่องหมายย่อยๆ ที่ค่อนข้างหลากหลาย แต่ถ้าจำได้ล่ะก็ รับรองเลยว่าจะทำให้การตากผ้าเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องกลัวผ้าย้วย เสียทรงอีกต่อไป

  • สี่เหลี่ยมที่มีครึ่งวงกลมด้านบน หมายความว่าให้ใช้วิธีแขวนในการตากผ้า

  • สี่เหลี่ยมมีขีดแนวตั้ง 3 ขีด หมายความว่าห้ามบิดผ้า ใช้แขวนแล้วปล่อยให้น้ำหยดจนแห้ง

  • สี่เหลี่ยมมีขีดแนวนอน 1 ขีด หมายความว่าให้ตากแนวราบ โดยไม่ใช้การแขวน สำหรับเสื้อผ้าที่ยืดย้วยง่าย

  • สี่เหลียมมีขีดทแยงอยู่ที่มุม 2 ขีด หมายความว่าควรตากผ้าในที่ร่ม

  • สัญลักษณ์บิดผ้า มีกากบาททับ หมายความว่าห้ามบิดผ้า

6. การรีด

สัญลักษณ์ที่จดจำได้ค่อนข้างง่าย เพราะเป็นรูปเตารีดแบบตรงตัว มีเพียงการเติมเครื่องหมายเล็กๆ น้อยๆ เข้ามาประกอบการอธิบายเท่านั้น

  • เตารีดปกติ หมายความว่ารีดผ้าด้วยอุณหภูมิไหนก็ได้

  • เตารีดมีกากบาททับ หมายความว่า ห้ามรีดผ้า

  • เตารีดไอน้ำ มีกากบาททับ หมายความไม่ควรใช้เตารีดไอน้ำ

  • เตารีดมี 1 จุด 2 จุด และ 3 จุด หมายความว่าควรรีดผ้าด้วยอุณหภูมิต่ำ ปานกลาง และสูงตามลำดับ

นี่คือทั้งหมดของสัญลักษณ์ดูแลผ้า ที่จะทำให้คุณดูแลเสื้อผ้าได้อย่างถูกวิธี ไม่ทำร้ายเส้นใยผ้า ทั้งยังคงสีส้น และรูปทรงที่สวยงามของเสื้อผ้าไว้ได้ยาวนาน สำหรับใครที่กลัวจะลืมว่าแต่ละสัญลักษณ์มีความหมายว่าอะไร ก็สามารถกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ Breeze.co.th ได้เสมอ เพราะเรามีคอนเทนต์ดีๆ เกี่ยวกับการดูแลผ้าอีกมากมาย

เผยแพร่ครั้งแรก